อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คุณมาทำงานด้านสิ่งแวดล้อม?
เพราะว่าโลกของเรากำลังอยู่ในความเสี่ยง การกระทำของเราเองทำให้เราต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงขึ้น น้ำท่วมบ่อยครั้งขึ้น การสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ และไฟป่าที่ลุกลามกว้างขวางในหลายส่วนของโลก การสื่อสารข้อมูลสามารถสร้างความตระหนักรับรู้และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ตลอดจนก่อให้เกิดการร่วมไม้ร่วมมือกันที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายและการทำธุรกิจที่รับผิดชอบมากขึ้นได้
ดิฉันร่วมก่อตั้ง ReReef โดยหวังจะให้เป็นช่องทางในการให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน ดิฉันเชื่อว่าคนเราจะรักษาหวงแหนสิ่งที่เราเห็นคุณค่า เราจำเป็นต้องเข้าใจว่าเราทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาและสามารถที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาได้
หากคุณสามารถบรรยายตัวเองได้ในสามคำ สามคำนั้นคืออะไร?
มีแรงบันดาลใจ สู้ไม่ถอย สนับสนุนให้กำลังใจ
ประเด็นหลักของปีนี้คือ 'ความเท่าเทียมในวันนี้เพื่อพรุ่งนี้ที่ยั่งยืน' ในความเห็นของคุณ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับความเท่าเทียมทางเพศสภาพมีอะไรร่วมกัน?
ในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราถกเถียงกันถึงเรื่องสิทธิของคนรุ่นอนาคตที่จะได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดี ส่วนความเท่าเทียมทางเพศสภาพ สิทธิของคนที่ไม่ได้อยู่ในสภาพที่พึงเป็นพึงปรารถนายังไม่ได้รับการเหลียวแล ในทั้งสองประเด็น แนวทางการดำเนินการตามที่ทำกันมาไม่ครอบคลุมถึงคนที่ไม่มีปากไม่มีเสียง
ผลกระทบจึงตกอยู่กับผู้คนที่ไม่มีปากไม่มีเสียงในกรณีส่วนใหญ่ ผู้หญิงไม่เพียงแต่ต้องเผชิญความเสี่ยงจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสูงกว่าผู้ชายเท่านั้น แต่เวลามีภัยพิบัติทางธรรมชาติ ผู้หญิงไม่เคยได้รับการเหลียวแลในกระบวนการวางแผนหรือตัดสินใจ กลไกที่ละเลยความต้องการของผู้หญิงและเพศสภาพอื่นเช่นนี้ทำให้คนเหล่านี้มีความยากลำบากในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในฐานะที่เป็นผู้นำคนหนึ่งในประเทศไทย คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและอะไรที่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง?
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดในยุคสมัยของเรา ในการจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนเช่นนี้ เราจำเป็นต้องมีมุมมองที่กว้างขวางและหลากหลาย การมีปากมีเสียงที่เท่าเทียม (รวมถึงกลุ่มเปราะบางต่างๆ) จะช่วยให้เราดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น ไม่เพียงแต่ในด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น ยังในด้านการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกด้วย
อะไรคือบทเรียนที่ใหญ่ที่สุดที่คุณได้รับมาในฐานะผู้นำคนหนึ่ง?
ผู้นำทุกคนล้วนเริ่มจากศูนย์ที่ไม่มีคนสนับสนุน ไม่มีคนติดตาม และเต็มไปด้วยข้อสงสัย หากเลิกล้มในสิ่งที่ตนเชื่อ ก็จะไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย
คุณคิดว่าจำเป็นจะต้องทำอะไรเพื่อให้มีผู้หญิงในบทบาทผู้นำมากขึ้นในประเทศไทย?
ดิฉันคิดว่ามีอุปสรรคมากมายที่ขัดขวางไม่ให้ผู้หญิงมีบทบาทผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นในรัฐบาล ธุรกิจ องค์กร และชุมชน อุปสรรคมีหลายรูปแบบ เช่น อคติ วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ และขั้นตอนการคัดสรรที่แย่ และอุปสรรคหนึ่งคือโอกาสที่จำกัดสำหรับเด็กผู้หญิงในการเข้าถึงการศึกษาตั้งแต่แรก
เราต้องให้ความสำคัญมากขึ้นกับการขจัดอุปสรรคเหล่านี้เพื่อให้ผู้หญิงได้มีบทบาทผู้นำในสัดส่วนที่เสมอกัน
คุณชอบงานส่วนไหนมากที่สุด?
งานของดิฉันทำให้ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยอย่างเป็นประโยชน์กับผู้คนที่มีใจคล้ายกันนับครั้งไม่ถ้วน เราแลกเปลี่ยนความคิด และการสนทนาธรรมดาๆ ระหว่างมื้อเที่ยงบางครั้งก็นำไปสู่การร่วมมือในกิจกรรมและการรณรงค์ต่างๆ และยังทำให้ดิฉันได้มีโอกาสลองบทบาทอื่นๆ เช่น ผู้ประกอบการ คอลัมนิสต์ นักวิจัย ผู้บรรยาย และนักรณรงค์
คุณมีคำแนะนำอะไรสำหรับหญิงสาวที่มุ่งหวังที่จะเป็นผู้นำเหมือนคุณ?
ต้องใช้ความพยายาม ความมุ่งมั่น และความพากเพียร เพียงเพราะว่าคุณไม่เห็นผู้หญิงในบทบาทผู้นำมากนัก ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นไม่ได้
อะไรที่เราสามารถทำให้ดีขึ้นเพื่อเพิ่มหรือกระตุ้นความเท่าเทียมทางเพศสภาพ?
ความคิดเกี่ยวกับเพศสภาพของเราถูกกำหนดโดยสื่อ สื่อมักแสดงให้เราเห็นภาพแบบฉบับของผู้หญิง ผู้ชาย ว่าควรมีหน้าตา ท่าทาง และปฏิบัติต่อคนอื่นๆ อย่างไร ความคิดเช่นนี้เป็นอันตรายและเป็นอุปสรรคต่อความเท่าเทียมทางเพศสภาพ
เราสามารถช่วยกันสร้างพื้นที่ให้ความเท่าเทียมทางเพศสภาพได้เติบโตโดยเริ่มจากในชีวิตประจำวัน ในที่ทำงาน ที่บ้าน ในชุมชน ปฏิเสธอคติหรือทัศนคติแบบเหมารวม แบ่งงานบ้านกันอย่างเท่าเทียม และส่งเสียงสนับสนุนสิทธิและโอกาสที่เท่าเทียม
คุณมีความหวังและวางแผนสำหรับอนาคตอย่างไร?
ดิฉันจะยังคงมุ่งหน้าทำงานรักษาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติต่อไป ดิฉันคาดหวังที่จะทำให้เครือข่ายที่มีอยู่แล้วมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นและสำรวจหาความร่วมมือใหม่ๆ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มคนกว้างขวางมากขึ้น ดิฉันหวังว่า ReReef จะสามารถดำเนินบทบาทต่อไปในฐานะช่องทางการสื่อสารและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น