ผลกระทบทางจิตใจต่อกลุ่มผู้ชายและเยาวชนชาย
แพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา จากกรมสุขภาพจิตได้จัดตั้งศูนย์สุขภาพจิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งโดยไม่แบ่งแยกศาสนาหรือการแบ่งกลุ่มเพื่อพยายามบรรเทาความขัดข้องใจที่ฝังรากลึกในชุมชน
แพทย์หญิงเพชรดาวอธิบายผลกระทบทางจิตใจที่เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ชายและเยาวชนชายว่า “จากข้อมูลที่เราได้รวบรวมในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา พบว่าผู้ชายอย่างน้อยร้อยละ 63 ได้รับผลกระทบทางจิตใจ ในขณะที่ผู้หญิงร้อยละ 30 ได้รับผลกระทบ ผู้ชายได้รับผลกระทบมากกว่าผู้หญิงเนื่องจากพวกเขาถูกสงสัยตลอดเวลาว่าเป็นผู้ก่อความไม่สงบ นอกจากนี้ ผู้ชายรู้สึกว่าตนเองจะต้องเข้มแข็งและอดทนได้ในทุกสถานการณ์”
ความพยายามของแพทย์หญิงเพชรดาวได้สร้างความเชื่อใจให้กับกลุ่มประชากรที่เปราะบางในพื้นที่เพิ่มขี้นทีละน้อย กลุ่มคนเหล่านี้ต้องการความช่วยเหลือ และรวมถึงความช่วยเหลือจากภาครัฐ อาทิ โรงพยาบาล
“งานของเรานั้นไม่สามารถเข้าถึงผู้ชายที่ได้รับผลกระทบได้ทุกคนแต่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ เราต้องประสานงานกับองค์กรภาคประชาสังคมและหรือองค์กรพัฒนาเอกชนต่างๆ ในพื้นที่เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของเราได้ โดยองค์กรพัฒนาเอกชนสามารถช่วยหากลุ่มคนที่มีโอกาสที่จะมีความเปราะบางต่อสถาณการณ์สูงและสามารถส่งคนที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมาหาเราได้” แพทย์หญิงเพชรดาวกล่าว
การสร้างความเชื่อใจและความเข้าใจร่วมกัน
อีกด้านหนึ่งของความขัดแย้งที่มักถูกมองข้ามคือ ตราบาปที่เกิดขึ้นกับผู้ที่เคยถูกกุมขัง มีคนกลุ่มหนึ่งถูกจับกุมเนื่องจากหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ ในขณะที่คนอีกกลุ่มโดนกล่าวหาจากบุคคลอื่นแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนก็ตาม หลังจากคนกลุ่มนี้ได้คืนกลับสู่ชุมชนแล้ว พวกเขายังคงไม่ได้รับการต้อนรับจากชุมชนแม้ว่าภาครัฐจะยกฟ้องพวกเขาแล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับความลำบากเป็นอย่างมากในการหางานทำ
ความเปราะบางที่เกิดขึ้นกับกลุ่มคนที่ไม่สามารถกลับสู่สังคมได้นั้นเห็นได้อย่างชัดเจนจากกรณีของ อับดุลโรซา กาเดีย ซึ่งถูกดำเนินคดีอาชญากรรมและคดีความมั่นคงรวม 21 คดี แต่ท้ายที่สุดแล้วศาลได้ยกฟ้องทุกคดีหลังจากที่เขาได้ถูกจองจำไปแล้วระยะเวลาหนึ่ง
“หลังจากที่ผมต่อสู้คดีและได้รับการปล่อยตัวออกจากคุก ผมรู้สึกว่าผมถูกจับจ้องตลอดเวลา ผมไม่สามารถสมัครงานกับบริษัทได้เพราะเขาสอบประวัติผม” อับดุลโรซากล่าว “เงินนั้นเป็นสิ่งชดเชยที่จำเป็น แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือสุขภาวะทางจิตของพวกเราเพื่อที่จะให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไป และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีความเข้มแข็งพอที่จะยืนหยัดหาเลี้ยงชีพได้”
ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมนี้ นายกิตติ สุระคำแหง ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานยุติธรรมพยายามที่จะบรรเทาความเกลียดชังที่ชุมชนในพื้นที่มีต่อภาครัฐ
“เราต้องปรับปรุงและสร้างความเข้าใจกับกลุ่มต่างๆ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ” นายกิตติกล่าว “โดยรวมแล้วถือว่าสถานการณ์ดีขึ้น เพราะภาครัฐรับฟังชุมชนและให้การสนับสนุนด้านการศึกษามากขึ้น”
รายงานฉบับนี้กล่าวว่า การช่วยเหลือผู้ชายและเยาวชนชายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นงานที่ท้าทายอย่างมากเนื่องจากต้องอาศัยการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรภาคประชาสังคม รวมถึงสถาบันทางศาสนา การทำงานโดยมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้ชายในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบนับเป็นก้าวสำคัญในการช่วยลดเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความขัดแย้งได้
ในฐานะคนในพื้นที่ นายฮัก อซาซิ บริเคมานูซโลน ผู้ทำงานกับองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า “ในอนาคต ผมหวังว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งก็คงไม่มีใครไม่เห็นด้วย แต่ในการทำให้เกิดความสงบสุขนั้น ทุกฝ่ายต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อใจกันและกัน”