Skip to Main Navigation
เรื่องเด่น

จังหวัดกาฬสินธุ์เตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในประเทศไทย

วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559


Image

นางบุญเรือน โคกแปะ อายุ 82 ปี


ประเด็นสำคัญ
  • การศึกษาของธนาคารโลกพบว่าจำนวนผู้สูงอายุที่ใช้บริการทางสุขภาพในประเทศไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • ผู้สูงอายุประสบอุปสรรคในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพ โดยเฉพาะในเขตชนบท แม้ว่าจะมีประกันสุขภาพถ้วนหน้าก็ตาม
  • องค์กรท้องถิ่นในจังหวัดกาฬสินธุ์พยายามช่วยผู้สูงอายุให้สามารถเข้าถึงการให้บริการทางสุขภาพมากขึ้น

นางบุญเรือน โคกแปะ อายุ 82 ปี ป่วยเป็นโรคหัวใจและได้รับเงินประกันสังคมเพียงเดือนละ 600 บาท เล่าถึงปัญหาสุขภาพของเธอให้เราฟัง

“สุขภาพของยายไม่ค่อยดี และยายก็ไม่ค่อยได้ไปหาหมอ เพราะไม่มีเงินและคนคอยดูแล” นางบุญเรือนเล่าต่อ “ถ้ายายจะต้องไปจริงๆ ยายก็ต้องเรียกแท็กซี่ให้มารับไปโรงพยาบาล และหากต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนาน ยายก็เสียค่ารถเพิ่มเพื่อให้แท็กซี่รอ”

การให้บริการทางสุขภาพเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งสำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทยซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างรวดเร็ว แม้ว่าประเทศไทยจะมีประกันสุขภาพถ้วนหน้าตั้งแต่ปี 2545 การศึกษาของธนาคารโลก การลดช่องว่างด้านสาธารณสุขของผู้สูงอายุ: การส่งเสริมความเท่าเทียมด้านสาธารณสุขและการให้โอกาสทางสังคมในประเทศไทย พบว่า ระบบขนส่งสาธารณะที่มีไม่เพียงพอและการขาดการสนับสนุนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการทางสุขภาพ

นายเจนศักดิ์ อาญารัตน์  ตำแหน่งปลัดเทศบาลตำบลนาจารย์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เล่าถึงความยากลำบากของผู้สูงอายุในหมู่บ้านที่ต้องพบเจอ

“ผู้สูงอายุที่อยู่ไกลจากศูนย์อนามัยจะมีปัญหาในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพ” นายเจนศักดิ์กล่าว “ถึงแม้ว่าภาครัฐจะให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุผ่านระบบประกันสังคมและประกันสุขภาพ ผู้สูงอายุยังคงพบอุปสรรคในการเข้าถึงบริการเหล่านี้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรม”

ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุยากจนสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้อย่างเท่าเทียมและยกระดับการสนับสนุนทางสังคม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดกาฬสินธุ์กำลังดำเนินโครงการหลายโครงการ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการบริการทางสุขภาพในผู้สูงอายุ และตอบรับกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงวัยในปัจจุบัน

 


Image

นางนา ภูครองทอง อายุ  80 ปี ต้อนรับอาสาสมัครที่มาเยี่ยมบ้านวันเว้นวัน


" ยายอยู่บ้านคนเดียวและยายก็มองไม่เห็น แต่ก็รู้สึกดีที่มีคนมาเยี่ยมยายระหว่างวัน” คุณยายกล่าว “หลังจากได้ออกกำลังกาย อาการก็ดีขึ้น ตอนนี้ยายสามารถขยับขาและยกแขนได้แล้ว "

นางนา ภูครองทอง อายุ 80 ปี


Image

นายนิจ สิมหม้อ อายุ 71


เสริมสร้างศักยภาพของชุมชนเพื่อเพิ่มช่องทางให้บริการ

สำหรับผู้สูงอายุติดเตียงและไม่สามารถเดินทางได้นั้น การได้รับบริการทางสุขภาพที่บ้านจะมีความสะดวกยิ่งกว่า

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของโรงพยาบาลจังหวัดกาฬสินธุ์และอาสาสมัครประจำหมู่บ้านได้ให้ความสำคัญกับการเยี่ยมบ้านเพื่อทำการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน รวมถึงจัดกิจกรรมออกกำลังกาย และให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรค แก่ผู้สูงอายุ

นางนา ภูครองทอง อายุ 80 ปี ต้อนรับอาสาสมัครที่มาเยี่ยมบ้านวันเว้นวัน

“ยายอยู่บ้านคนเดียวและยายก็มองไม่เห็น แต่ก็รู้สึกดีที่มีคนมาเยี่ยมยายระหว่างวัน” คุณยายกล่าว “หลังจากได้ออกกำลังกาย อาการก็ดีขึ้น ตอนนี้ยายสามารถขยับขาและยกแขนได้แล้ว”

อาสาสมัครประจำหมู่บ้านได้รับการอบรมการดูแลผู้สูงอายุรวม 70 ชั่วโมง จากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะเฉพาะในการดูแลผู้สูงอายุ และสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ริเริ่มสร้างโครงการ “สุขศาลา” ซึ่งเป็นศูนย์อนามัยระดับหมู่บ้าน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ชาวบ้านสามารถเข้าถึงการบริการทางสุขภาพได้มากขึ้นและเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาการเดินทาง โดย “สุขศาลา” แต่ละแห่งจะมีอาสามัครประจำหมู่บ้านคอยให้บริการทางสุขภาพขั้นพื้นฐาน อาทิ การตรวจวัดความดัน การตรวจเลือด และการจ่ายยาสามัญสำหรับผู้สูงอายุ ในปัจจุบันมี “สุขศาลา” มากกว่า 1500 แห่งกระจายตัวอยู่ตามหมู่บ้านทั่วจังหวัดกาฬสินธุ์
 

ก้าวข้ามอุปสรรคด้านการเดินทาง

ผู้สูงอายุยากจน โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 80 ปี และอาศัยอยู่ในเขตชนบท ประสบอุปสรรคในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพมากที่สุด เนื่องจากบริการขนส่งสาธารณะมีไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน และการจ้างรถส่วนตัวนั้นมีค่าใช้จ่ายสูง

องค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดกาฬสินธุ์จึงจัดให้มีบริการรถตู้ฉุกเฉินเพื่อส่งเสริมและเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการสุขภาพในหมู่ผู้สูงอายุ

นายนิจ สิมหม้อ อายุ 71 ป่วยเป็นโรคเบาหวานและจำเป็นต้องเดินทางไปโรงพยาบาลเป็นประจำ เมื่อก่อนเขาต้องจ่ายเงินประมาณ 500 บาท สำหรับเดินทางไปยังโรงพยาบาล ซึ่งเกือบเท่ากับเงินประกันสังคมที่เขาได้รับทั้งเดือน

“ทุกวันนี้ ผมจะขอให้อาสาสมัครประจำหมู่บ้านโทรเรียกรถตู้ฉุกเฉินให้มารับผม” นายนิจกล่าว “รถตู้มารับผมทุกครั้งและผมก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ผมเลยสามารถใช้เงินประกันสังคมรายเดือนสำหรับซื้ออาหาร โดยที่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าเดินทางเมื่อจะต้องไปโรงพยาบาลอีกต่อไป”

บริการรถตู้ฉุกเฉินมีบริการในทุกเขตเทศบาลของจังหวัดกาฬสินธุ์ นอกจากนี้ เทศบาลบางแห่ง เช่น เทศบาลตำบลนาจารย์ ได้ขยายโอกาสให้ผู้สูงอายุยากจนสามารถใช้บริการรถตู้นี้ หากต้องการเดินทางไปโรงพยาบาลในกรณีที่ไม่ฉุกเฉินด้วย

ตัวอย่างแผนงานของจังหวัดกาฬสินธุ์นี้เป็นแนวปฏิบัติที่ประเทศไทยสามารถนำไปใช้และขยายผล เพื่อลดช่องว่างและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพแก่ผู้สูงอายุอย่างถ้วนหน้า


 



Api
Api

Welcome