ประเด็นสำคัญ
- ประเทศไทยกำลังมีประชากรสูงวัยในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงลักษณะประชากรก้าวล้ำหน้าระดับรายได้เกินกว่าที่ควรจะเป็น
- มีการคาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวมีแนวโน้มที่จะลดลงในช่วงปีพ.ศ. 2563 และ 2593 ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ต่อเนื่องจากการเติบโตที่มีทิศทางดิ่งลงอยู่ในปัจจุบัน
- การเปลี่ยนแปลงลักษณะประชากรมีส่วนเกินครึ่งที่ทำให้เกิดการลดลงตามการคาดการณ์ดังกล่าว การลดลงนี้เป็นผลมาจากอัตราการเจริญพันธุ์ที่ต่ำและการมีประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นซึ่งนำไปสู่การลดลงของการเพิ่มจำนวนประชากรและจำนวนประชากรในวัยทำงาน
- ผลถ่วงดุลบางอย่าง เช่น จากอัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานของผู้หญิงที่เพิ่มขึ้นหรือการพัฒนาทุนมนุษย์สามารถบรรเทาหรือกระทั่งชดเชยผลกระทบทางลบของการมีประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นที่มีต่อการเติบโตในระยะยาวได้
- ผลกระทบที่ยาวนานจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจส่งผลฉุดการเติบโตในระยะยาวได้หากว่าเกิดการถดถอยของการลงทุน การเสื่อมถอยของทุนมนุษย์ หรือการหดตัวของการค้าโลก
- แบบแผนการออมของภาคเอกชนในประเทศไทยแปรผันตามอัตราการมีประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้น
- การพยากรณ์แบบมีเงื่อนไขแสดงว่าการออมของภาคเอกชนน่าจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงหนึ่งทศวรรษครึ่งถัดจากนี้และจะตกลงหลังจากนั้น และคาดว่าในปีพ.ศ. 2593 จะอยู่ในระดับที่สูงกว่าปีพ.ศ. 2562
- ต้นทุนทางการคลังรวมของระบบบำนาญของข้าราชการพลเรือน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และการรักษาพยาบาลได้รับการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 6.2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในปีพ.ศ. 2563 เป็นร้อยละ 11.3 ในปีพ.ศ. 2603
- มาตรการเชิงนโยบายในการบรรเทาผลกระทบทางลบจากการมีประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นที่มีต่อการเติบโตระยะยาวควรมุ่งเป้าที่จะเพิ่มทั้งจำนวนและผลิตภาพของกำลังแรงงาน
- เพื่อความยั่งยืนทางการคลังในระยะยาว จำเป็นจะต้องมีการปฏิรูปตลาดแรงงานและนโยบายการคลัง ตลอดจนระบบความคุ้มครองทางสังคม ระบบบำนาญ และระบบการดูแลผู้สูงอายุในระยะยาว