ประเด็นสำคัญ
รายงานฉบับนี้วิเคราะห์ระบบบำนาญในปัจจุบันในประเทศไทยและเสนอทางเลือกในการปฏิรูปที่จะทำให้ระบบบำนาญพอเพียงเหมาะสมและยั่งยืนมากขึ้น
- ประเทศไทยมีประชากรสูงวัยในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแต่มีประชากรในวัยทำงานเพียงราวหนึ่งในสามเท่านั้นที่อยู่ในระบบบำนาญ
- ในส่วนของผู้ที่อยู่ในระบบบำนาญ มีแต่คนทำงานในภาครัฐเท่านั้นที่จะสามารถรักษาระดับการบริโภคที่เหมาะสมได้โดยไม่ต้องอาศัยการเก็บออมสำหรับยามเกษียณเพิ่มเติม
เงินบำนาญมีส่วนเพียงเล็กน้อยในการเสริมรายได้ให้กับผู้สูงอายุในประเทศไทย
- รัฐบาลได้ขยายการให้ความช่วยเหลือที่มุ่งเป้าผู้สูงอายุในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา และในปีพ.ศ. 2561 จ่ายเงินจำนวนเล็กน้อยให้กับประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปราวสามในสี่
- กว่าสามในสี่ของคนไทยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไประบุว่าแหล่งรายได้หลักของตนมาจากการทำงานหรือครอบครัว มีราวร้อยละ 5 เท่านั้นที่ระบุว่าเงินบำนาญเป็นแหล่งรายได้หลัก
- โครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุมีความครอบคลุมสูงแต่จำนวนเงินที่แจกไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาความยากจนในหมู่ผู้สูงอายุที่ยังคงต้องทำงานและ/หรือพึ่งพาลูกหลานต่อไป
- การมีส่วนช่วยจุนเจืออย่างจำกัดของเงินบำนาญเป็นภาพที่ตัดกันอย่างมากกับระบบบำนาญทั้งภาคบังคับและสมัครใจที่มีออกมาจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
รายงานฉบับนี้มีข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงประสิทธิผลของระบบบำนาญดังต่อไปนี้
การปฏิรูปในทันที
- จ่ายเงินบำนาญเพิ่มขึ้นและทำดัชนีเชื่อมโยงกับอัตราเงินเฟ้อ
- ทบทวนปรับปรุงกองทุนประกันสังคมและระบบบำนาญสำหรับคนทำงานภาครัฐ
การปฏิรูประยะกลาง
- สร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและจัดทำทะเบียนแบบบูรณาการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับระบบการช่วยอุดหนุนให้ค่อยๆ ครอบคลุมอย่างถ้วนหน้าเหมือนกรณีหลักประกันสุขภาพ
และควรต้องมีการประเมินระบบบำนาญในแง่ของการส่งผลต่อความยั่งยืนทางการคลังและการออมของประเทศ ดูบทวิเคราะห์ในเรื่องนี้ได้ในรายงานของธนาคารโลกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์มหภาคจากการมีประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นในประเทศไทย