กรุงเทพฯ 19 มีนาคม 2553 – คณะกรรมการบริหารของธนาคารโลกในกรุงวอชิงตัน ดีซี ได้มีมติเมื่อวานนี้ให้อนุุมัติเงินกู้เพิ่ม (additional finance) แก่ประเทศไทย เป็นจำนวนทั้งสิ้น 79.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับสนับสนุนโครงการก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องจราจร
เงินกู้จำนวนดังกล่าวนี้จะถูกนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขยายเส้นทางสายหลักห้าสายในภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ของประเทศ ซึ่งมีระยะทางโดยรวมทั้งสิ้น 261 กิโลเมตร ให้เป็น 4 ช่องจราจรจาก 2 ช่องในปัจจุบัน การดำเนินงานดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ซึ่งมีกรมทางหลวงเป็นผู้ดำเนินงาน และเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอันต่อเนื่องของไทยที่จะพัฒนาเครือข่ายขนส่งและเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
เงินกู้ดังกล่าวครอบคลุมแผนงานก่อสร้างต่างๆ ภายใต้โครงการก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องจราจร ดังนี้
- แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 201 เส้นทางสีคิ้ว-ชัยภูมิ ตอน สีคิ้ว-บ.หนองบัวโคก ระยะทาง 60 กิโลเมตร
- แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 24 เส้นทางสีคิ้ว-อุบลราชธานี ตอน อ.นางรอง-อ.ปราสาท ระยะทาง 65 กิโลเมตร
- แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 331 เส้นทางสีคิ้ว-พนมสารคาม ตอน แยกทางหลวงหมายเลข 36-บรรจบทางหลวงหมายเลข 3 (สัตหีบ) ระยะทาง 28 กิโลเมตร
- แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4 เส้นพังงา-กระบี่ ตอน 3 ระยะทาง 27 กิโลเมตร
- แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 408 เส้นทางนครศรีธรรมราช-สงขลา ตอน อ.ระโนด-อ.สทิงพระ ระยะทาง 36 กิโลเมตร
เมื่อการก่อสร้างตามแผนงานนี้เสร็จสิ้นแล้ว พื้นที่ภายใต้โครงการนี้ก็จะสามารถรองรับการจราจรที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าในอดีต ขณะเดียวกัน ผู้ใช้เส้นทางดังกล่าวก็จะสามารถลดภาระที่เกี่ยวกับการขนส่ง เช่น ระยะเวลาในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการใช้ยานพาหนะ (vehicle operating costs) ลงได้ประมาณร้อยละ 10 ของที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
“การช่วยลดภาระด้านต้นทุนให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนนั้นจะมีส่วนช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าถูกลง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อศักยภาพในการแข่งขันของไทยในระยะยาว” นางแอนเน็ต ดิกสัน ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทยกล่าว
“จากประสบการณ์ของธนาคารโลกที่ผ่านมาทำให้เราทราบว่า ประเทศที่ลงทุนในการพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานนั้นจะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนได้ในท้ายที่สุด ผลประโยชน์ที่เราเห็นโดยมากก็คือการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสถานะของประเทศในตลาดโลกที่แข็งแกร่งขึ้นนั่นเอง” นางดิกสันกล่าวเสริม
เงินกู้เพิ่มก้อนนี้ เป็นการต่อยอดมาจากเงินกู้สำหรับโครงการบริหารจัดการทางหลวง มูลค่า 84.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งคณะกรรมการบริหารของธนาคารโลกได้อนุมัติไปเมื่อพ.ศ. 2546
นอกเหนือไปจากการสนับสนุนการบริหารจัดการและการดูแลรักษาทางสายหลักของประเทศ รวมทั้งการส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนนแล้ว โครงการปี 2546 ดังกล่าวยังมีส่วนสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทางสายหลักบางสายให้เป็น 4 ช่องจราจร รวมทั้งการก่อสร้างสะพานลอยข้ามแยก ณ จุดตัดสำคัญๆ เพื่อช่วยระบายการจราจรและลดอุบัติเหตุด้วย