ดาวน์โหลดรายงาน
ข้อค้นพบสำคัญ
รายงานฉบับนี้นำ “ดัชนีประเมินศักยภาพการพัฒนา” (Development Potential Assessment Index) ซึ่งเคยประยุกต์ใช้ในประเทศอินเดียและสหภาพยุโรป มาใช้ประเมินศักยภาพทางเศรษฐกิจของ 31 จังหวัดชายแดนไทย โดยแบ่งจังหวัดออกเป็น 4 กลุ่มตามศักยภาพและประสิทธิภาพ:
- 12 จังหวัด: มีศักยภาพสูงแต่ประสิทธิภาพต่ำ สะท้อนโอกาสทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ได้รับการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่
- 11 จังหวัด: มีศักยภาพและประสิทธิภาพต่ำ จำเป็นต้องได้รับมาตรการสนับสนุนเฉพาะทาง
- 5 จังหวัด: มีผลงานเกินคาดแม้ศักยภาพจะต่ำ
- 3 จังหวัด (ส่วนใหญ่อยู่ภาคใต้): มีทั้งศักยภาพและประสิทธิภาพสูง
ความท้าทายหลักต่อการพัฒนาจังหวัดชายแดน
รายงานระบุอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการเติบโตของพื้นที่ชายแดนไทย:
- สังคมสูงอายุ: ภายในปี พ.ศ. 2603 (2060) ประชากรสูงวัยไทยจะอยู่ที่ประมาณ 31% ส่งผลให้กำลังแรงงานลดลงราว 14.4 ล้านคน และเพิ่มภาระต่อระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะในภาคเหนือและอีสาน
- การเข้าถึงการศึกษาและการพัฒนาทักษะที่จำกัด: จังหวัดชายแดนหลายแห่งขาดแคลนสถาบันอุดมศึกษาและอาชีวศึกษาเนื่องจากที่ตั้งห่างไกล การคมนาคมไม่สะดวก และสถาบันสำคัญในจังหวัดขาดทรัพยากร จังหวัดสงขลาเป็นข้อยกเว้นด้วยระบบ การศึกษาที่แข็งแกร่ง และมีแรงงานที่จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาสูงถึง 19.3%
- การพึ่งพาแรงงานข้ามชาติ: แรงงานข้ามชาติที่ขึ้นทะเบียนราว 2.4 ล้านคนมีส่วนสร้างมูลค่าถึง 6.6% ของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไทย แม้นโยบายภาครัฐให้บริการสุขภาพและการศึกษาแก่แรงงานที่ขึ้นทะเบียน แต่กระบวนการลงทะเบียนที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง ผลักดันให้แรงงานบางส่วนเข้าสู่ตลาดแรงงานนอกระบบ และเสี่ยงต่อการถูกเอารัดเอาเปรียบ
- โครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพอ: การขาดแคลนระบบขนส่ง สาธารณูปโภค นิคมอุตสาหกรรม และโลจิสติกส์เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น ความหนาแน่นของถนนในกาญจนบุรีอยู่ที่เพียง 4% ของค่าเฉลี่ยทั้งประเทศ ซึ่งจำกัดโอกาสการค้าและการลงทุนของจังหวัด
- ข้อจำกัดด้านการบริหาร: ผู้ว่าราชการจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีอำนาจและงบประมาณจำกัด ต้องพึ่งพาส่วนกลาง ทำให้แก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้ไม่เต็มที่
แนวทางขับเคลื่อนนโยบายหลัก
รายงานฉบับนี้เสนอ 4 แนวทางสำคัญเพื่อปลดล็อกศักยภาพจังหวัดชายแดน:
- จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายพัฒนาพื้นที่ชายแดน: ภายใต้การกำกับดูแลสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีคณะรัฐมนตรี ผู้แทนจังหวัด และภาคเอกชนร่วมขับเคลื่อนนโยบาย ประเมินผลลัพธ์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกัน โดยสามารถประยุกต์แบบอย่างที่ประสบความสำเร็จของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
- เสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ: นอกเหนือจากเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ควรเน้นการบูรณาการระดับภูมิภาค สนับสนุนความร่วมมือข้ามพรมแดน และออกแบบนโยบายที่มีความยืดหยุ่นและเอื้อต่อการลงทุน
- ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและทุนมนุษย์: ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ พัฒนานโยบายแรงงานเพื่อรองรับสังคมสูงวัย และลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านการศึกษาและสาธารณสุข
- ส่งเสริมการพัฒนาอย่างทั่วถึง: ควรเพิ่มการมีส่วนร่วมของชุมชน ความยุติธรรมในการกระจายทรัพยากร และยกระดับความเข้มแข็งให้กลุ่มเปราะบาง เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุมทุกภาคส่วน